Saturday, August 27, 2011

ความรู้เรื่องภัยใกลัตัวผู้หญิง

คุณเคยทราบหรือไม่คะว่า การที่คนเราจะมีเพศสัมพันธ์กับใครสักคน เราควรที่จะระวังตัวของเรา คุณผู้หญิงทั้งหลายควรที่จะหาวิธีที่จะป้องกันตัวและป้องกันใจไว้ด้วยค่ะ เพราะคุณอาจตกเป็นผู้โชคร้ายที่ต้องเผชิญชะตากรรมจากโรคร้าย ตั้งแต่โรคที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อย จนถึงโรคร้ายที่จะปริดชีพคุณผู้หญิงได้ค่ะ โปรดกรุณาอย่าคิดว่าผู้ชายที่ดูท่าทางสะอาดสะอ้านจะไม่นำโรคร้ายมาฝากคุณผู้หญิงนะคะ
การป้องกันตัวจากอะไรบ้าง ปัจจัยเสี่ยงมีอยู่มากมายดังนี้ค่ะ
1.      ป้องกันตัวจากท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น การท้องในวัยเรียน ท้องก่อนแต่ง ท้องโดยไม่ได้เตรียมใจ เป็นต้น
2.      ป้องกันตัวจากความซาดิส์มของคู่นอน คุณอาจจะเจ็บตัว เช่น อาจถูกมัดตรึงและทุบตี เพราะผู้ชายสมัยนี้ชอบดูหนังโป๊และเลียนแบบตามที่เห็นมาจากในหนัง เป็นตัน
3.      ป้องกันตัวจากความพิสดารของคู่นอน คุณอาจถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เช่น ถูกบังคับให้อมอวัยวะเพศ ถูกบังคับให้ร่วมทางทวารหนัก ถูกบังคับให้มีคนร่วมหลับนอนด้วยมากกว่า 1 คน ถูกบังคับให้ถ่ายClip ขณะทำกิจกรรม (อาจถูกนำไปเปิดเผยภายหลัง) เป็นตัน
4.      ป้องกันตัวจากโรคที่จะมาจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (SiamHealth.net) ได้แก่
o   อันดับ 1 ของการติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์คือโรคอะไร ทราบไหมเอ่ย? คำตอบคือ การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี
o   การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในผู้หญิง (Human Papillomavirus: HPV)— เชื้อไวรัสเอชพีวีมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก เมื่อติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในระยะแรกอาจจะทำให้ปรากฏหูดขึ้นตรงอวัยวะเพศของผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ในบางรายผู้ที่มีเชื้อเอชพีวีอาจจะไม่ปรากฏอาการที่สังเกตได้ด้วยตาเลย
§  การติดเชื้อ มีความเป็นไปได้ว่าผู้ชายที่เคยมีเพศสัมพันธ์และได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์มาจากคู่ร่วมหลับนอน อาจจะนำเชื้อเอชพีวีติดตัวมาด้วยโดยไม่แสดงอาการ เมื่อมามีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไปก็จะเป็นคนนำพาเชื้อเอชพีวีมาให้ผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนคนต่อไปด้วยได้ (แม้ผู้หญิงจะไม่เคยร่วมหลับนอนกับใครมาก่อน แต่ร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนที่มีเชื้อเอชพีวี แค่ครั้งเดียวก็ติดเชื้อได้)
§  อาการของโรค ผู้หญิงส่วนหนึ่งติดเชื้อแล้วจะไม่มีอาการของโรคแสดงออกมาเมื่อติดในระยะแรก แต่ถ้าไม่ได้ตรวจพบการผิดปกติตั้งแต่แรก ต่อไปจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ปากมดลูกจนสามารถพัฒนาให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะเวลาต่อมา  รู้ไหมว่าผู้หญิงไทยตายเพราะมะเร็งปากมดลูกวันละ 14 รายค่ะ
§  หมายเหตุ ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่พูดกรณีการติดเชื้อจากผู้ชายข้างบนก็ให้ลองนึกถึงกรณีของการแพร่กระจายเชื้อของเจ้ายุงลาย  ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกน่ะคะ  ยุงลายเมื่อเอาปากของมันไปจิ้มคนที่เป็นไข้เลือดออก มันก็จะมีเชื้อติดอยู่ที่ตัวมันมา เมื่อมันมากัดเราต่อ เราก็จะพลอยติดไข้เลือดออกไปด้วย แต่ตัวมันก็ไม่เป็นอะไรยังอยู่ของมัน
§  วิธีการป้องกัน หรือลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
·         ถ้าจะป้องกันให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องหาผู้ชายที่เวอร์จิน (Virgin) มาเป็นคู่ร่วมหลับนอน  (พยายามงมเข็มในมหาสมุทรหน่อยนะ) และซื่อสัตย์ต่อคู่ครองตลอดไป ไม่มีการนอกลู่นอกทางแม้แต่ครั้งเดียว “being in a faithful relationship with one partner(hpvhealth.net)
·         ลดความเสี่ยงโดยการฉีดวัคซีนป้องกันHPVตั้งแต่ตัวผู้หญิงยังไม่ได้รับเชื้อ HPV (ต้องฉีด 3 เข็มต่อเนื่อง ราคาประมาณเข็มละ 3,000 บาทขึ้นไป) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีได้ทุกสายพันธุ์ (USA 2008)
·         ลดความเสี่ยงโดยการให้ผู้ชายสวมถุงยางทุกขณะระหว่างมีเพศสัมพันธ์ (ป้องกันได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใช้ ต้องระวังว่าถุงยางอาจเสื่อม หรือถงยางหลุดระหว่างกิจกรรมค่ะ)
§  วิธีการวินิจฉัยในผู้หญิง  สามารถตรวจวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ปากมดลูกในระยะก่อนการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ จะช่วยชีวิตของผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้อย่างรวดเร็วจากการรักษา ทุกๆปี โดยไม่มีการเว้น เพื่อตรวจหาโรคต่างๆที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หรือแปปสเมียร์ (Pap smear) และตรวจหาการได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวี
·         วิธีการตรวจแปปสเมียร์ใช้เวลาเพียงไม่นาน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น โดยแพทย์จะสอดเครื่องมือที่มีรูปร่างคล้ายปากเป็ดอันเล็กๆ (เรียกว่าคีมปากเป็ด) สอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อที่แพทย์จะได้สามารถใช้ไม้ที่มีสำลีที่ปลาย เพื่อขูดและเก็บเซลล์จากปากมดลูก โดยหมุนไม้ไปให้รอบปากมดลูก เพื่อขูดเอาเซลล์ที่บุปากมดลูกและส่งไปยังห้องปฏิบัติการ (Laboratory) เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่ผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งสามารถวินิจฉัยมะเร็งในระยะเริ่มแรกได้
·         ตรวจหาการได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilomavirus)
·         ส่องกล้องเพื่อตรวจปากมดลูก
§  วิธีการรักษาสภาพให้คงตัว และไม่แย่ลงไปกว่าเดิม 
·         ลดความเครียดของตัวผู้หญิง  => เข้าหาธรรมมะเพื่อให้ตัวเองมีสติ ให้คิดถึงหลักธรรมอย่างน้อยก็หลักเมตตาธรรม และอภัยธรรม
·         กินผักใบเขียวเยอะๆ => อย่างน้อยปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารที่รับประทาน
·         ทำร่างกายคุณผู้หญิงให้สุขภาพแข็งแรง => จะได้มีภูมิต้านทานไวรัส
·         ห้ามคุณผู้หญิงสูบบุหรีเด็ดขาด  มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ ใน the Journal of the American Medical Association เมื่อ พ.ศ. 2544 งานวิจัยพบว่า การสูบบุหรีมีส่วนอย่างมีนัยสำคัญที่ทำให้มีความเสี่ยงของการติดเชื้อที่มีสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งของเชื้อไวรัสเอชพีวี ที่เพิ่มขึ้นเพื่อก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก(hpvhealth.net ; ScienceDaily.com 2011)
·         ให้คุณผู้หญิงพยายามออกจากสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี  => ถึงจะไม่ได้สูบเอง แต่เมื่อเราได้รับควันบุหรี ก็เท่ากับเราสูบบุหรีเองเช่นกัน
·         ให้ผู้ชายสวมถุงยางทุกขณะระหว่างการมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ =>อาจจะลดความเสี่ยงได้บ้างไม่มากก็น้อย คุณผู้หญิงจะได้ไม่ต้องรับเชื่อเพิ่มมาอีก
§  วิธีการรักษาสภาพให้หายขาด
·         ถ้าเซลล์ผิดปกติแล้วการรักษาสามารถทำได้โดยวิธีต่างๆ เช่น การจี้เย็น การตัดปากมดลูก เป็นต้น
·         อย่างไรก็ตามผู้หญิงก็จะต้องเจ็บทั้งตัว (จากการโดนจี้เย็น หรือ โดนตัดปากมดลูก) เจ็บทั้งใจที่ได้ของฝากจากคุณผู้ชายเป็นคุณไวรัสที่อาจจะคร่าชีวิตเราได้ถ้าไม่ได้ตรวจคัดกรองและไม่เจอว่าเป็นตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ปากมดลูก
·         ……ปล. ถ้าไม่ได้ตรวจปากมดลูกทุกปีๆ แล้วไปตรวจพบตอนเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว มันก็จะสายไปค่ะ
§  รู้ไว้ใช่ว่า
·         การใช้ยาคุมกำเนิดในระยะเวลานานกว่า 3 ปีอาจจะทำให้คุณผู้หญิงปล่อยเชื้อไวรัสที่ได้รับเข้ามาจากคุณผู้ชายออกไปได้ยากขึ้น
·         การสูบบุหรีไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจะทำให้เก็บเชื้อไวรัสได้นานถึง 2 ปี

o   หูดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี-- เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศลักษณะเป็นผื่นนูน ไม่เจ็บ ผื่นจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ แต่อาจจะใหญ่ขึ้น หากไม่รักษาผื่นจะโตเป็นลักษณะหงอนไก่ (Molluscum)  หูดสามารถเกิดที่ส่วนอื่นๆที่ได้รับการสัมผัสจากเชื้อเช่น ช่องปาก ลิ้น ทวารหนัก นิ้วมือ ผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย เป็นต้น
o   การติดเชื้อครามีเดีย (Clamydia) -- ทำให้เกิดอาการมีหนองไหลและมีอาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รักษาอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องเชิงกรานเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
o   หูดที่อวัยวะเพศ condloma -- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หูดขึ้นได้ทั้งแคมใหญ่ ช่องคลอด และปากมดลูก เชื้อบางชนิดทำให้เกิดมะเร็ง
o   เริมที่อวัยวะเพศ-- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทำให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่
o   หนองในแท-- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา
o   โรคเอดส คือโรคที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus: HIV) ซึ่งเชื้อนี้จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้บกพร่อง ทำให้ผู้ป่วยติดโรคต่างๆได้ง่าย
o   ซิฟิลิส--เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่บ่อย การติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่ไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอก หากทิ้งไว้นานจะติดเชื้อที่ระบบประสาท และหัวใจ
o   แผลริมอ่อน-- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ลักษณะของโรคจะมีแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียก “ไข่ดันบวม” หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง
o   ตัวโลน -- เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ดูดเลือดคนเราเป็นอาหาร ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการคันเป็นหลัก เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่น
§  การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขน ไข่จะมีลักษณะวงรี ส่วนตัวแมลงเมื่อกินเลือดเต็มที่จะออกสีน้ำตาล
§  การรักษาตัวโลนสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา แต่คนท้องหรือเด็กควรจะปรึกษาแพทย์
§  การป้องกัน สมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท คู่นอนควรจะได้รับการดูแลพร้อมกันเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ เสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอนควนจะนำไปต้มหรือซักแห้ง แล้วรีดด้วยเตารีด ตัวแมลงอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้อยู่กับคน ส่วนไข่อยู่ได้นานถึง 6 วัน
o   เป็นต้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เริ่มจะพบมากขึ้นในเด็กวัยรุ่นวัยเรียนซึ่งจะแอบไปมีเพศสัมพันธุ์กันด้วยความอยากรู้ ความคึกคะนอง หรือความอยากลอง โดยเด็กวัยรุ่นเหล่านั้นที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การป้องกันตัวเองทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากวิชาสุขศึกษาในโรงเรียนก็ไม่ได้สอนในเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยละเอียด และไม่ได้เน้นความสำคัญว่าทำไมทุกคนจะจำเป็นต้องศึกษาในเรื่องหล่านี้ให้เข้าใจและจดจำไปตลอด และจะต้องปฏับัติตนอย่างไรเพื่อป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าเด็กผู้หญิง หรือคุณสาวๆมีความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ อาการของโรค การรักษา จะเป็นขั้นแรกของการป้องกันโรคได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรทราบมีดังนี้
  1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น แต่พบมากในหมู่วัยรุ่น หรือวัยกลางคน (ไม่เลือกหน้าเลือกวัย)
  2. อัตราการติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบมากขึ้นเนื่องจาก
    • วัยรุ่นโดยเฉพาะเด็กผู้ชายจะมีการชักชวนกันไปเที่ยวโสเภณี (ชายหรือหญิงบริการ) เพื่อขึ้นครู 
    • เด็กวัยรุ่นถึงคนวัยกลางคนมีค่านิยมที่จะอยู่ก่อนแต่งงาน
    • นิยมมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก
    • มีการพิสดารในการร่วมเพศมากขึ้น เช่น ร่วมเพศทางทวารหนัก ร่วมเพศทางปาก เป็นต้น
    • ผู้คนสำส่อนกันมากขึ้น ไม่เว้นเพศใด
    • สามีมักไม่ซื่อสัตย์ต่อค่ครอง โดยการไปซื้อประเวณี หรือไปหลับนอนกับผู้หญิงซึ่งไม่ใช่คู่ครองของตน (โดยที่คุณผู้หญิงจะไม่มีวันทราบความจริงนี้ เพราะถึงจะจับได้คาหนังคาเขา คุณผู้ชายก็จะไม่ยอมรับ)
    • และที่สำคัญมีการหย่าล้างสูงทำให้คนมีสามีหรือภรรยาหลายคน
  1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมากมักจะไม่เกิดอาการ ดังนั้นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อโดยที่ไม่รู้ตัว แพทย์บางประเทศจึงแนะนำให้มีการตรวจค้นหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สำหรับคนที่สำส่อน
  2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก
  3. โรคอาจจะลุกลามไปยังมดลูกหรือท่อรังไข่ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง Pelvic inflammatory disease ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
  4. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นการติดเชื้อ human papillomavirus infection (HPV) ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
  5. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ หรือลูกของคุณที่จะเกิดมา

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรค
  • การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเยาว์หรือเมื่ออายุยังน้อย (เพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคมากกว่าคนอื่น เพราะผ่านมาเยอะกว่า)
  • การมีเพศสัมพันธ์กับชายหรือหญิงบริการ (โสเภณี) ใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การมีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การมีเพศสัมพันธ์กับคู่คนใหม่ใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การที่มีประวัติป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใน 1 ปีที่ผ่านมา
  • การที่สามีหรือภรรยามีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การที่คู่ครองอยู่กันคนละที่
อาการของผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ปัสสาวะขัด
  • มีผื่น แผลหรือตุ่มน้ำที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก
  • มีหนองไหลจากอวัยวะเพศ
  • มีน้ำหลั่งจากช่องคลอดหรือท่อปัสสาวะ
  • มีอาการคันหรือปวดบริเวณอวัยวะเพศ
  • มีอาการคันหรือปวดบริเวณทวาร
  • มีอาการแดงและปวดบริเวณอวัยวะเพศ
  • ปวดท้องหรือปวดช่องเชิงกราน
  • ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
  • ตกขาวบ่อย หรือมากผิดปกติ
  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์ หากยังมีเพศสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
  • ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว (แต่ทั้งสามีและภรรยาต้องไม่เคยได้เสียกับใครมาก่อน หรือไม่เคยนอนกับหญิง/ชายขายบริการมาก่อน)
  • ใส่ถุงยางให้ถูกต้องหากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ (แต่ก็ไม่ได้ป้องกันได้ 100% เพราะถุงยางอาจจะครอบอวัยวะเพศชายไม่หมด หรือถุงยางอาจจะหลุดระหว่างกิจกรรม หรือ ผู้ที่มีเชื้ออาจมีเชื้ออยู่ที่ส่วนอื่นของร่างกายที่มาสัมผัสคู่นอนได้)
  • อย่ามีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยเพราะจากสถิติหากมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีโอกาสติดโรคสูง
  • ให้ตรวจประจำปีเพื่อหาเชื้อโรคแม้ว่าจะไม่มีอาการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแต่งงานใหม่ (โรคบางโรคก็ไม่สามารถตรวจพบได้ เช่น ไวรัส HPV ในผู้ชาย)
  • เรียนรู้อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • อย่าร่วมเพศขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อได้ง่าย
  • อย่ามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย (แต่ก็ไม่ได้ป้องกันได้ 100% เพราะถุงยางอาจจะครอบไม่หมด หรือถุงยางอาจจะหลุดระหว่างกิจกรรม)
  • อย่าสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
สำหรับผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
  • ให้รักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • แจ้งให้คู่นอนทราบว่าคุณเป็นโรคเพื่อที่จะป้องกันโรคมิให้แพร่สู่คนอื่น และให้ได้รับการรักษา
  • รักษาตามแพทย์สั่ง
  • งดร่วมเพศ

ที่ตั้งใจรวบรวมข้อมูลจากการอ่านเวปไซต์ในต่างประเทศและจากงานวิจัยทางการแพทย์ แม้กระทั่งคำแนะนำที่ได้จากคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านสูตินารีเวช เพียงเพื่อไม่อยากให้คุณผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อ หรือผู้รับเชื้อที่เดียงสา
ขอทุกท่านจงโปรดดูแลตัวเองให้พ้นจากทุกข์และภัยที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยเทอญ  และฝากกระจายความรู้เหล่านี้ไปให้มากที่สุด ช่วยบอกผู้ใกล้ชิดที่เป็นเพศหญิง หรือคนที่คุณรัก เช่น ลูกสาวของคุณ น้องสาวของคุณ เพื่อนของคุณ หรือแม้กระทั่ง คุณแม่ของคุณค่ะ ว่าพวกเขาควรจะระวังตัวอย่างไร อย่าช้านะคะ เพราะหญิงไทยต้องตายเพราะมะเร็งปากมดลูกวันละ 14 รายต่อวัน
Reference
               
               
     080122102342.htm.